Did you know? Soaps originated thousands of years ago. Roman legend has it that the first use of soap was found as a result of animal sacrifice. Animal fat and ash accumulated at ceremonial altars were washed into rivers by rain, where women were washing clothes, and they found that it made their clothes cleaner! Consequently, they started using “soap” in their baths as well. Today, soap is an umbrella term we use to describe substances that are used for cleaning.
However, in chemical terms, soap is made by a process called saponification, which is when a compound of natural oils or fats is treated with a strong alkaline solution like lye, soluble sodium or potassium hydroxide.
So how does soap clean? It emulsifies oil and water. A soap molecule has a head and a tail. The head is hydrophilic (water-loving) and the tail is lipophilic (oil-loving). So the tail sticks to surface oil and the head to water. When you wash your face/body, soap molecules will break free from the skin along with the oil (and dirt that comes with it), as you rinse it away with water.
Soap does its job too well at removing dirt and oils from our skin, it can remove too much of your skin’s natural oils and moisturizers and become a backlash on people who has sensitive skin or prone to dry skin. Plus, Soap is also very much an alkaline, ranging from pH 8-12, (if you’ve read our pH5.5 post you’ll already know this! If not: Click Here) thus it disrupts the performance of your acid mantle, skin’s natural protective barrier.
To avoid soap, we can instead use other surfactants with lower pH values like Sodium Laureth Sulfate (SLES) which does the same job but is milder to your skin. SLES can be sourced from petroleum or naturally from coconut/palm oils. So why not choose plant-based ingredients that are safer for us!
.
เกิดมาก็เรียกผลิตภัณฑ์ทําความสะอาดผิวว่าสบู่เเล้ว แต่นี สบู่ทีไม่มีสบู่? เปนยังไง มีด้วยหรอ
สบู่ คือคําคุ้นเคยติดปาก เราเรียกผลิตภัณฑ์ทําความสะอาดผิวว่าสบู่ วันนีเราจะมาพูดถึงสบู่กัน ทังสบู่ก้อน สบู่เหลว และ พาทุกคนไปทําความรู้จักกับ สบู่ทีไม่มีสบู่ ว่าเปนยังไง แล้วมันจะสะอาดเหมือนสบู่มัย ไปหาคําตอบกันดีกว่า
ย้อนกลับไปเปนพันๆ ป สบู่ถูกค้นพบโดยชาวโรมัน ในสมัยนันจะมีพิธีบูชายัญ ซึงผู้บูชาจะนําสัตว์ขึนไปเผาบนแท่นเพือ บูชาเทพเจ้า และทุกๆ ครังทีฝนตก ไขมันสัตว์ทีผสมกับขีเถ้าจะถูกนําฝนชะล้างลงมาตามแอ่งนําทีชาวบ้านใช้ซักผ้า ไขมัน กับขีเถ้าจับตัวเปนก้อนๆ ชาวบ้านได้ลองเอาก้อนนีมาถูกับผ้าและพบว่า มันสะอาดขึน! เลยเริมมีการนําไขมันสัตว์ไปต้มกับ ขีเถ้าในไหและเก็บไว้เปนผลิตภัณฑ์ทําความสะอาด สมัยนันชาวโรมันนิยมและให้ความสําคัญกับการอาบนํามาก สารตัวนี เลยเริมถูกนํามาใช้เพือทําความสะอาดผิวกายด้วย
สบู่ ทางเคมีคือการทีไขมันมาผสมกับโซเดียมไฮดรอกไซด์หรือโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (นําขีเถ้า) ค่า pH ของสบู่อยู่ที ประมาณ 8-12 ซึงก็คือมีความเปนด่างอยู่มาก แล้วทําไมสบู่ถึงมีความสามารถในการชําระล้างสิงสกปรกได้? โดยปกติ แล้วสิงสกปรกจะเกาะติดอยู่กับไขมันบนผิวหนัง การล้างไขมันออกไปก็จะทําให้สิงสกปรกหลุดไปด้วย โมเลกุลสบู่ ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือส่วนหัวและส่วนหาง ส่วนหางจะเข้าไปจับไขมันและสิงสกปรกและดึงออกมาเปนนํามันหยด เล็กๆ โมเลกุลสบู่จะล้อมรอบ และหันส่วนหัวซึงละลายนําได้ทําให้ไขมันและสิงสกปรกกระจายมาอยู่ในนํา และหลุดออกจาก ผิวเราในทีสุด
โดยทัวไปสบู่ก้อนมีความเปนด่างอยู่มาก ล้างสะอาดหมดจดจนทําลายแผ่นฟล ์มปกปองผิวตามธรรมชาติทีมีอยู่บนผิว ของเราได้ (อ่านต่อได้ที linkนีนะจ๊ะ) เราสามารถหลีกเลียงการใช้สบู่ทีมีค่า pH สูงมากๆ ด้วยการใช้สบู่เหลวซึงมักจะใช้ สารลดแรงตึงผิวอย่าง Sodium Laureth Sulfate (SLES) มาเปนสารทําความสะอาด แต่สารเหล่านีก็มีทีมาทีหลาก หลาย ทังจากปโตรเลียมหรือจากธรรมชาติอย่างมะพร้าวหรือลูกปาล์ม ทางทีดี เราเลือกผลิตภัณฑ์ทีเปน Plant Based และไม่ทดลองกับสัตว์จะดีต่อตัวเราและโลกทีสุดค่ะ
